10 อันดับเทรนด์เทคโนโลยีมาแรงปี 2023
- Natchananphorn Phattharathammaphon
- 30 ม.ค. 2566
- ยาว 2 นาที
อัปเดตเมื่อ 18 ก.พ. 2566

ตามที่ Gartner วิเคราะห์แนวโน้วจะส่งผลต่อธุรกิจของคุณ ในอีก 3 ปีข้างหน้า กับ 10 อันดับเทรนด์เทคโนโลยีมาแรงปี 2023
ซึ่งอันดับของความนิยมเทคโนโลยีนี้ที่น่าจับตามอง ข้อมูลเหล่านี้อาจจะช่วยให้คุณประเมินหรือวิเคราะห์ทิศทางแนวโน้มต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ทั้งในด้านการบริหารองค์กร การตลาด การเพิ่มรายได้ หรือแม้กระทั่งเพิ่มประสิทธิภาพให้กับผลิตภัณฑ์ แต่ละเทรนด์จะเหมาะกับธุรกิจสายทาง Gartner ได้แบ่งออกเป็น 4 ธีม
ธีม Optimize
ธีม Scale
ธีม Pioneer
ธีม Sustainable Technology
4 ธีม จะประกอบไปด้วย 10 เทรนด์ ดังนี้
ธีม Optimize
1. Digital Immune System (DIS)
อาจจะเรียกเป็นภาษาไทยได้ว่า ระบบภูมิคุ้มกันทางด้านดิจิทัล เป็นเทคโนโลยีที่ว่าเกี่ยวกับเรื่องการของป้องกัน เพิ่มประสิทธิภาพให้กับผู้ใช้งานอย่าง CIO ได้ดีกว่า คือแนวทางที่ครอบคลุมสำหรับการป้องกันไวรัสที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย IBM แรงจูงใจที่พัฒนาครั้งนี้เป็นภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นจากการแพร่กระจายไวรัสที่ง่ายและรวดเร็วบนอินเทอร์เน็ต ซึ่ง Digital Immune System จะเป็นการปรับโดยรวมกลยุทธ์ด้านวิศวกรรมซอร์ฟแวร์หลายแบบเพื่อป้องกันความเสี่ยงหลาย ๆ แบบที่อาจเกิดขึ้น ผ่านการสังเกตการณ์ ระบบอัตโนมัติและการทดสอบขั้นสูง
ระบบที่ยืดหยุ่นจะช่วยลดความเสี่ยงในการปฎิบัติการ เพราะยุคนี้ผู้บริโภคนั้นให้ความสำคัญในเรื่องของการป้องกันความเสี่ยง เน้นความปลอดภัยมากขึ้น ดังนั้นเทคโนโลยีที่จะช่วยในเรื่องนี้ที่ดีกว่าเดิมนั้นจะเป็นที่ต้องการอย่างแน่นอน
ภายในปี 2025 Gartner คาดการณ์ว่าองค์กรที่ลงทุนในการสร้างภูมิคุ้มกันทางดิจิทัลจะเพิ่มความพึงพอใจของผู้ใช้ผ่านแอปพลิเคชันที่บรรลุเวลาทำงานที่มากขึ้นและมอบประสบการณ์การใช้งานที่แข็งแกร่งขึ้น
2. Applied Observability เป็นเทคโนโลยีของกระบวนการทำงานจากข้อมูลที่ปล่อยออกมาจากองค์กรจากการใช้ AI มาวิเคราะห์และให้คำแนะนำ เพื่อช่วยให้องค์กรนั้นสามารถตัดสินใจได้แม่นยำหรือมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อมีการนำไปใช้อย่างเป็นระบบแล้วจะสามารถลดเวลาในการตอบสนองและดำเนินธุรกิจได้แบบเรียลไทม์ได้นั่นเอง
3. AI TRiSM เทคโนโลยีตัวนี้จะเป็นกุญแจสำคัญที่จะมาช่วยในส่วนการจัดระบบโครงสร้างของ IT ให้เหมาะสมและน่าเชื่อถือมากขึ้น เป็นโครงร่างซอร์ฟแวร์ที่รองรับการกำกับดูแลโมเดล AI ที่น่าเชื่อถือ ยุติธรรม ทนทาน มีประสิทธิภาพในการปกป้องข้อมูล โดยผสมผสานระหว่างการอธิบายผลลัพธ์ของ AI และการปรับใช้โมเดลใหม่ที่รวดเร็ว มีการจัดการเรื่องความปลอดภัยแม่นยำและควบคุมปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัวได้ดี ซึ่งภายในปี 2026 บริษัทต่างๆ ที่ดำเนินการเพื่อความโปร่งใส ความไว้วางใจ และการรักษาความปลอดภัยของ AI จะเห็นโมเดล AI ที่บรรลุการปรับปรุงผลลัพธ์ถึง 50% ในแง่ของการนำไปใช้ เป้าหมายทางธุรกิจ และการยอมรับของผู้ใช้
ธีม Scale ปรับขนาดประสิทธิภาพการทำงาน
4. Industry Cloud Platforms
ในอนาคตองค์กรต่าง ๆ จะเริ่มมีการใช้คลาวด์ เป็นเทคโนโลยีในการเก็บข้อมูลมากขึ้นแน่นอน เป็นการรวม SaaS, Paas และ IaaS การให้บริการด้านซอร์ฟแวร์ผ่านอินเทอร์เน็ตและเข้ากับฟังก์ชันการทำงานของอุตสาหกรรมที่ปรับแต่งมาโดยเฉพาะ ซึ่งทางองค์กรสามารถนำไปใช้และปรับให้เข้ากับองค์กรของตัวเองได้ เพื่อให้มีพื้นที่การจัดเก็บข้อมูลดีขึ้น
5. Platforms Engineering
ถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีใหม่ที่จะมายกระดับการสร้างและการบำรุงรักษาแพลตฟอร์มได้ง่ายและดีกว่าเดิม ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มเป็น Topic ที่มีการพูดถึงการอย่างมากในวงนัก DevOps เลยทีเดียว เพราะจะช่วยเร่งการยกระดับแอปพลิเคชันและความเร็วในการสร้างมูลค่าทางธุรกิจ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงทางด้านดิจิทัล Platforms Engineering ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการของนักพัฒนาซอร์ฟแวร์ เพื่อการหาเครื่องมือและความสามารถทั่วไปที่ใช้ซ้ำได้ และยังเชื่อมต่อกับโครงสร้างที่ซับซ้อนได้ดียิ่งขึ้น Gartner คาดการณ์ว่าภายในปี 2026 80% ขององค์กรวิศวกรรมซอฟต์แวร์จะจัดตั้งทีมแพลตฟอร์มขึ้นโดยมี 75% รวมถึง Portal แบบบริการตนเองของนักพัฒนา
6. Wireless-Value Realization
ทาง Gartner ได้นิยามว่าคือ ‘การตระหนักรู้ถึงมูลค่าแบบไร้สาย’ ในยุคของอนาคตจะเป็นเทคโนโลยีไร้สายที่จะมีบริการใหม่ ๆ มากมาย และบริการที่ได้รับการพัฒนาปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อตระหนักถึงคุณค่าจากเทคโนโลยีไร้สายในยุคนี้ที่เกี่ยวข้องกับการขยายบริการดิจิทัล เพื่อรวมบริบทและลูกค้าที่หลากหลายกว่าเดิม ภายในปี 2025 Gartner คาดว่า 50% ของอุปกรณ์ปลายทางไร้สายระดับองค์กรจะใช้บริการเครือข่ายที่มอบความสามารถเพิ่มเติมนอกเหนือจากการสื่อสาร เพิ่มขึ้นจาก 15%
ธีม 3 Pioneer
7. Superapps
เทคโนโลยีนี้จำไว้เลยนะ เพราะในอนาคตมาแบบเต็มรูปแบบแน่นอน เนื่องจากผู้บริโภคยุคใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่เกิดมาในยุคของสมาร์ทโฟนเลยต้องการอุปกรณ์พกพา ซึ่งใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพ ในหนึ่งแอปฯ สามารถใช้ทำกิจกรรมหรือธุรกรรมได้หลายอย่างเพื่อความสะดวกและง่าย เช่น แอปส่งอาหารในยุคนี้ ไม่ได้แค่มีแค่บริการส่งข้าวเดลิเวอรี่แล้ว มีทั้งส่งเอกสาร จองโรงแรมหรือบริการรถรับ-ส่ง
Gartner คาดว่า ในปี 2027 คาดว่าประชากรมากกว่า 50% ทั่วโลกจะเป็นผู้ใช้เทคโนโลยี Superapps และแนวคิดนี้จะขยายไปยังการใช้งานอุปกรณ์พกพาและเดสก์ท็อประดับองค์กรที่นำไปใช้ในการทำงานร่วมกัน 8. Adaptive AI
เป็นเทคโนโลยีที่จะมาสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับผู้ใช้งานได้จริง ๆ เพราะ Adaptive AI สามารถอ่านและเรียนรู้พฤติกรรม รวมถึงปรับเปลี่ยนได้แบบเรียลไทม์ สามารถพัฒนาตัวเองโดยอิงจากข้อมูลใหม่และเป้าหมายที่ปรับแล้ว เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ในโลกแห่งความเป็นจริงที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างที่เห็น ๆ กันอยู่ในตอนนี้ก็จะมีพวก Video Streaming ที่แนะนำจากสิ่งที่ใกล้เคียงกับความสนใจหรือสิ่งที่เราดูนั่นเอง 9. Metaverse Gartner
ให้คำจำกัดความ Metaverse ว่าเป็นนวัตกรรมเชิงผสมผสาน ซึ่งต่างจากเทคโนโลยีทั่วไป ที่รวมแนวโน้มต่างๆ ของเทคโนโลยีเข้ากับสภาพแวดล้อมเสมือนจริง ซึ่งผู้คนสามารถปรับปรุงความเป็นจริงทางกายภาพได้ นวัตกรรมนี้เปลี่ยนโลกทางกายภาพหรือขยายไปสู่โลกเสมือนจริงที่องค์กรสามารถปรับปรุงการมีส่วนร่วมและการทำงานร่วมกันของพนักงาน แม้ว่า Gartner จะเตือนว่า Metaverse ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและความเป็นไปได้ของการลงทุนระยะยาวนั้นไม่แน่นอน แต่คาดการณ์ว่าภายในปี 2027 องค์กรขนาดใหญ่กว่า 40% ทั่วโลกจะใช้ Web3, Spatial Computing และ Digital Twins เพื่อเพิ่มรายได้ ผ่านโครงการ Metaverse
ธีม Sustainability
10. Sustainability
เทคโนโลยีที่ยั่งยืนถือได้ว่าเป็นนโยบายที่สำคัญลำดับต้นๆของหลายบริษัท และถูกมองว่าเป็นโซลูชันที่เพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานและวัสดุของบริการไอที ที่ทำให้เกิดความยั่งยืนของทั้งองค์กรและลูกค้า และ เรื่องนี้จะเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อม ถ้าแบรนด์หรือธุรกิจใดสามารถทำให้มันเข้ามีบทบาทในด้านโซลูชันที่เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานหรือด้านบริการไอทีได้จะส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านความยั่งยืนให้แบรนด์ได้ เช่น การใช้เทคโนโลยีจัดการกับภาวะโลกร้อน ลดมลพิษ และอีกมากมาย โดยภายในปี 2025 Gartner คาดการณ์ว่า 50% ของ CIO จะมีตัวชี้วัดประสิทธิภาพที่เชื่อมโยงกับความยั่งยืนขององค์กร
สรุป
จากเทคโนโลยีทั้ง 10 เทรนด์นั้น Gartner ได้ชี้ให้เห็นว่า AI TRiSM, Wireless-Value Realization และ Industry Cloud Platforms คือ กลยุทธ์ที่จะมีผลกระทบภายในปีหน้านี้ ส่วน Digital Immune System, Platform Engineering และ SuperApp จะมีผลกระทบใน 1-2 ปีข้างหน้า และ Applied Observability, Adaptive AI และ Metaverse จะมีผลกระทบในอีก 2-3 ปี ส่วนเรื่องของเทคโนโลยีเพื่อความยังยืน คือด้านที่ต้องคำนึงถึงตั้งแต่ตอนนี้
เราจะเห็นได้ว่ากลยุทธ์ที่บริษัท Gartner ระบุมาทั้ง 10 เทรนด์ ในแต่ละด้านไม่มีเทคโนโลยีหนึ่งเดียวที่จะตอบโจทย์ได้ แต่จะประกอบด้วยการประยุกต์นำเทคโนโลยีหลายๆ เรื่องมาใช้ การวางแผนกลยุทธ์ขององค์กรให้รองรับการแนวโน้มของเทคโนโลยีเหล่านี้ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง หากเราต้องการที่จะแข่งขันกับตัวเองในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก และเป็นการสร้างกลยุทธ์ที่ดีในการเร่งองค์กรไปสู่ Digital Transformation ต่อไป
Comments